one.ilmsg.in.th

Key Performance Indicators - KPIs

alt text

แน่นอนครับ อินโฟกราฟิกนี้ให้ภาพรวมที่ครอบคลุมเกี่ยวกับตัวชี้วัดประสิทธิภาพหลัก (Key Performance Indicators - KPIs) ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญในการวัดและประเมินความสำเร็จขององค์กรหรือกิจกรรมต่างๆ นี่คือคำอธิบายโดยละเอียดของแต่ละส่วน:

  1. Terminology (คำศัพท์):

    • KPI Definition: อธิบายว่า KPI คือ "การแสดงออกที่สามารถวัดผลได้ สำหรับการบรรลุผลลัพธ์ที่ต้องการในขอบเขตที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมของหน่วยงาน" พูดง่ายๆ คือ เป็นค่าที่วัดว่าองค์กรบรรลุเป้าหมายสำคัญได้ดีเพียงใด
    • SMART Objectives: เน้นว่าเป้าหมายที่ดีควรเป็นแบบ SMART ซึ่งย่อมาจาก Specific (เฉพาะเจาะจง), Measurable (วัดผลได้), Achievable (บรรลุได้), Relevant (เกี่ยวข้อง), และ Time-bound (มีขอบเขตเวลา) ตัวอย่างที่ให้คือ "เพิ่มฐานลูกค้าเพื่อให้ได้ส่วนแบ่งตลาด 20% ภายในสิ้นปีงบประมาณภายใต้การนำของผู้อำนวยการฝ่ายขาย" โดยมีองค์ประกอบคือ Objective (เป้าหมาย), KPI (% ส่วนแบ่งตลาด), Target (เป้าหมายที่ 20%), Timeframe (ภายในสิ้นปีงบประมาณ), และ Responsible (ผู้รับผิดชอบคือ ผู้อำนวยการฝ่ายขาย)
    • KPI naming standards: แนะนำว่าชื่อ KPI ควรสื่อความหมายชัดเจน และมักจะขึ้นต้นด้วยสัญลักษณ์ เช่น $, #, % เพื่อบอกประเภทของค่าที่วัด (เช่น มูลค่า, จำนวน, เปอร์เซ็นต์)
  2. Value added by KPIs (คุณค่าที่ได้จาก KPIs):

    • Clarity (ความชัดเจน): ช่วยให้เห็นภาพรวมของกลยุทธ์องค์กรได้ชัดเจนขึ้น
    • Focus (การมุ่งเน้น): ช่วยให้องค์กรมุ่งเน้นไปที่สิ่งที่สำคัญและต้องการความสนใจ
    • Improvement (การปรับปรุง): ช่วยติดตามความคืบหน้าไปสู่เป้าหมายที่ต้องการ และชี้จุดที่ต้องปรับปรุง
  3. Metrics - KPIs - KRIs - Analytics (การวัดผล - ตัวชี้วัดประสิทธิภาพหลัก - ตัวชี้วัดความเสี่ยงหลัก - การวิเคราะห์):

    • แสดงความสัมพันธ์ว่า Metrics (การวัดผล) เป็นพื้นฐาน จากนั้นนำไปสู่ KPIs (ตัวชี้วัดประสิทธิภาพหลัก) เพื่อประเมินผลการดำเนินงาน และ KRIs (Key Risk Indicators - ตัวชี้วัดความเสี่ยงหลัก) เพื่อประเมินความเสี่ยง ทั้งหมดนี้ถูกนำไปใช้ใน Analytics (การวิเคราะห์) เพื่อช่วยในการตัดสินใจ (Decision Making)
  4. KPI selection criteria (เกณฑ์การเลือก KPI):

    • Relevant (เกี่ยวข้อง): ต้องสอดคล้องกับกลยุทธ์ขององค์กร และมีความสำคัญต่อขอบเขตงานนั้นๆ
    • Clearly defined (กำหนดชัดเจน): ควรระบุความหมายชัดเจน เข้าใจง่าย และหลีกเลี่ยงศัพท์เฉพาะทางเทคนิคที่ไม่จำเป็น
    • Balanced (สมดุล): ควรพิจารณาความสมดุลระหว่าง คุณภาพ/ปริมาณ, ประสิทธิภาพ/ประสิทธิผล, ความเป็นอัตนัย/ความเป็นปรนัย
  5. KPI selection workshop input (ข้อมูลนำเข้าสำหรับเวิร์กชอปการเลือก KPI):

    • ชี้ให้เห็นแหล่งข้อมูลที่ใช้ในการกำหนด KPI ซึ่งแบ่งเป็น:
      • Primary sources (แหล่งข้อมูลปฐมภูมิ):
        • Internal (ภายใน): พนักงานหน้างาน (Front-line employees), ผู้จัดการ (Managers), คณะกรรมการ (Board)
        • External (ภายนอก): ซัพพลายเออร์ (Suppliers), ลูกค้า (Customers), คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ (Expert advice)
      • Secondary sources (แหล่งข้อมูลทุติยภูมิ): แผนพัฒนากลยุทธ์ (Strategic development plans), รายงานประจำปี (Annual reports), รายงานการปฏิบัติงาน (Operational reports), รายงานจากคู่แข่ง (Competitor reports), รายงานประจำปีขององค์กรอื่น ๆ (Annual reports of other organizations)
  6. Data Visualization (การแสดงข้อมูลด้วยภาพ):

    • Dos (สิ่งที่ควรทำ): แนะนำให้ใช้กราฟแท่ง (Bar charts), กราฟเส้น (Line graph), กราฟหัวข้อย่อย (Bullet graph), Sparklines, กราฟหลายอันเล็กๆ (Small multiples), กราฟน้ำตก (Waterfall chart) ซึ่งมักจะสื่อความหมายได้ชัดเจนและเปรียบเทียบได้ง่าย
    • Don'ts (สิ่งที่ไม่ควรทำ): แนะนำให้หลีกเลี่ยงกราฟวงกลม (Pie charts - โดยเฉพาะเมื่อมีหลายส่วน), กราฟ 3 มิติ (3D graphs - ทำให้บิดเบือนการรับรู้), พื้นหลังสีเข้ม (Dark backgrounds - อ่านยาก), แกนที่ไม่เริ่มจากศูนย์ (Non-zero baseline - สำหรับกราฟแท่ง ทำให้การเปรียบเทียบสัดส่วนผิดเพี้ยน), กราฟที่รกเกินไป (Overcrowded), และการใช้เส้นตารางมากเกินไป (Gridlines)
  7. KPI selection technique: Value flow analysis (เทคนิคการเลือก KPI: การวิเคราะห์กระแสคุณค่า):

    • แสดงตัวอย่างการใช้เทคนิคนี้เพื่อปรับปรุงทักษะอย่างต่อเนื่องผ่านประสบการณ์การเรียนรู้ โดยแบ่งเป็น Input (ปัจจัยนำเข้า), Process (กระบวนการ), Output (ผลผลิต), และ Outcome (ผลลัพธ์)
      • Input: งบประมาณการฝึกอบรม ($), เจ้าหน้าที่สนับสนุนการฝึกอบรม (#)
      • Process: ชั่วโมงการฝึกอบรมต่อพนักงาน (#), หลักสูตรฝึกอบรมที่จัด (#)
      • Output: พนักงานที่ได้รับการฝึกอบรม (%), ความพึงพอใจของผู้เข้าร่วมต่อประสบการณ์การฝึกอบรม (%)
      • Outcome: พนักงานมีระดับความสามารถตามที่ต้องการ (%), ระดับทักษะ (#)
  8. KPI documentation (การจัดทำเอกสาร KPI):

    • แสดงตัวอย่างการจัดทำเอกสารสำหรับ KPI "อัตราการครองเตียงในโรงพยาบาล (%)" (Hospital bed occupancy rate) ประกอบด้วย:
      • Name (ชื่อ): % Hospital bed occupancy rate
      • Definition (คำจำกัดความ): วัดเปอร์เซ็นต์ของเตียงในโรงพยาบาลที่มีผู้ป่วยครอง จากจำนวนเตียงทั้งหมดในโรงพยาบาล
      • Calculation (การคำนวณ):
        • Subordinate measures used (ค่าที่ใช้วัดรอง): A = # เตียงที่มีผู้ป่วยครอง, B = # เตียงทั้งหมดในโรงพยาบาล
        • Calculation formula (สูตรคำนวณ): (A / B) * 100
        • Formula type (ประเภทสูตร): Rate (อัตราส่วน)
        • Trend is good when (แนวโน้มที่ดีคือ): Within range (อยู่ในช่วงที่กำหนด)
      • Target (เป้าหมาย): ตัวอย่างเกณฑ์เป้าหมาย: สีแดง: < 80% ; > 95%, สีเหลือง: 80-85% ; 90-95%, สีเขียว: 85-90% (แสดงว่าสูงหรือต่ำเกินไปอาจไม่ดี ต้องอยู่ในช่วงที่เหมาะสม)
  9. Functional Areas (ขอบเขตงานตามหน้าที่):

    • แสดงตัวอย่าง KPIs ที่ใช้กันทั่วไปในฝ่ายงานต่างๆ ขององค์กร เช่น บัญชี (Accounting), การปฏิบัติตามกฎระเบียบและความเสี่ยง (Compliance and Risk), บริการลูกค้า (Customer Service), การเงิน (Finance), อาชีวอนามัย ความปลอดภัย และสิ่งแวดล้อม (HSSE), ทรัพยากรบุคคล (Human Resources), เทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology), การตลาดและการสื่อสาร (Marketing & Communication), การจัดซื้อและการกระจายสินค้า (Procurement & Distribution), การผลิต (Production), การจัดการโครงการ (Project Management), การจัดการคุณภาพ (Quality Management), การวิจัยและพัฒนา (Research & Development), และการขาย (Sales)
  10. Industries (อุตสาหกรรม):

    • แสดงตัวอย่าง KPIs ที่ใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น ศูนย์บริการทางโทรศัพท์ (Call Center), ศุลกากร (Customs), การศึกษาและการฝึกอบรม (Education & Training), สถาบันการเงิน (Financial Institutions), รัฐบาล (Government - State/Federal), การดูแลสุขภาพ (Healthcare), การบริการและการท่องเที่ยว (Hospitality & Tourism), การดำเนินงานโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Operations), อสังหาริมทรัพย์ (Real Estate/Property), ทรัพยากร (Resources), ค้าปลีก (Retail), โทรคมนาคม (Telecommunications), การขนส่ง (Transportation), และสาธารณูปโภค (Utilities)

โดยรวมแล้ว อินโฟกราฟิกนี้เป็นคู่มือที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ที่ต้องการทำความเข้าใจว่า KPI คืออะไร ทำไมจึงมีความสำคัญ จะเลือก KPI ที่ดีได้อย่างไร จะวัดผลและนำเสนอข้อมูลอย่างไร รวมถึงตัวอย่าง KPI ที่ใช้ในฝ่ายงานและอุตสาหกรรมต่างๆ ครับ