Chart Cheat Sheet

เอกสารนี้จัดระเบียบแผนภูมิประเภทต่างๆ ตามวัตถุประสงค์หลักในการแสดงข้อมูล แบ่งออกเป็น 6 หมวดหมู่หลัก ดังนี้
-
Static Comparison (การเปรียบเทียบ ณ จุดเวลาเดียว): ใช้เพื่อเปรียบเทียบค่าต่างๆ ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง
- Single Bar Chart (แผนภูมิแท่งเดี่ยว): เหมาะสำหรับการเปรียบเทียบค่าของตัวแปรเดียวระหว่างหมวดหมู่ต่างๆ (เหมาะสำหรับข้อมูลไม่กี่รายการ)
- Multiple Bar Chart (แผนภูมิแท่งกลุ่ม): ใช้เปรียบเทียบค่าของตัวแปรหลายตัวแปรในหมวดหมู่ต่างๆ (เหมาะสำหรับข้อมูลไม่กี่รายการ)
- Variable Width Column Chart (แผนภูมิแท่งความกว้างแปรผัน): ใช้เปรียบเทียบค่าของสองตัวแปร โดยความสูงและความกว้างของแท่งแสดงค่าของแต่ละตัวแปร
- Table (with charts) (ตารางพร้อมแผนภูมิ): เหมาะสำหรับการเปรียบเทียบข้อมูลที่มีสามตัวแปรขึ้นไป หรือมีข้อมูลจำนวนมาก อาจมีแผนภูมิขนาดเล็ก (sparklines) แทรกในตารางเพื่อแสดงแนวโน้ม
-
Changing Over Time Comparison (การเปรียบเทียบการเปลี่ยนแปลงตามเวลา): ใช้เพื่อแสดงให้เห็นว่าค่าต่างๆ เปลี่ยนแปลงไปอย่างไรเมื่อเวลาผ่านไป
- Circular Area Chart (แผนภูมิพื้นที่วงกลม/แผนภูมิเรดาร์): เหมาะสำหรับแสดงข้อมูลที่เป็นวัฏจักร (Cyclical Data) ในหลายช่วงเวลา เช่น ยอดขายรายเดือนตลอดทั้งปี
- Line Chart (Non-cyclical Data) (แผนภูมิเส้น - ข้อมูลไม่เป็นวัฏจักร): แสดงแนวโน้มของข้อมูลที่ไม่เป็นวัฏจักรเมื่อเวลาผ่านไป เหมาะสำหรับข้อมูลจำนวนไม่มาก
- Column Chart (แผนภูมิแท่ง): ใช้เปรียบเทียบค่าของข้อมูลหนึ่งรายการหรือน้อยรายการในช่วงเวลาไม่กี่ช่วง
- Line Chart (Many items) (แผนภูมิเส้น - ข้อมูลหลายรายการ): แสดงแนวโน้มของข้อมูลหลายรายการหรือหลายหมวดหมู่เมื่อเวลาผ่านไป
-
Distribution (การกระจายตัวของข้อมูล): ใช้เพื่อแสดงการกระจายหรือการเกาะกลุ่มของข้อมูล
- Column Histogram (ฮิสโตแกรมแบบแท่ง): แสดงการกระจายความถี่ของตัวแปรเดียว โดยแบ่งเป็นช่วงๆ (เหมาะสำหรับข้อมูลไม่กี่ช่วง/รายการ)
- Line Histogram (ฮิสโตแกรมแบบเส้น): แสดงการกระจายความถี่ของตัวแปรเดียว (เหมาะสำหรับข้อมูลหลายช่วง/รายการ) มักใช้แสดงรูปทรงของการกระจาย
- Scatter Chart (แผนภูมิกระจาย): แสดงความสัมพันธ์และการกระจายตัวระหว่างสองตัวแปร โดยแต่ละจุดแทนข้อมูลหนึ่งชุด
- 3D Area Chart (แผนภูมิพื้นที่ 3 มิติ): แสดงการกระจายหรือความสัมพันธ์ของข้อมูลที่มีสามตัวแปร
-
Changing Over Time Composition (องค์ประกอบที่เปลี่ยนแปลงตามเวลา): ใช้เพื่อแสดงให้เห็นว่าสัดส่วนของส่วนประกอบต่างๆ ภายในทั้งหมดเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรเมื่อเวลาผ่านไป
- Scatter Chart (แผนภูมิกระจาย): ในหมวดนี้ อาจใช้เพื่อดูว่าความสัมพันธ์ระหว่างสองตัวแปรเปลี่ยนแปลงไปตามเวลาอย่างไร (แม้ว่าปกติจะใช้แสดงการกระจาย/ความสัมพันธ์มากกว่า) ภาพระบุว่าใช้สำหรับสองตัวแปร
- Bubble Chart (แผนภูมิฟอง): แสดงความสัมพันธ์ระหว่างสามตัวแปร โดยตำแหน่งแกน X และ Y แสดงสองตัวแปรแรก และขนาดของฟองแสดงตัวแปรที่สาม สามารถใช้แสดงการเปลี่ยนแปลงตามเวลาได้หากแกนใดแกนหนึ่งเป็นเวลา หรือใช้ภาพเคลื่อนไหว
-
Static Composition (องค์ประกอบ ณ จุดเวลาเดียว): ใช้เพื่อแสดงส่วนประกอบย่อยของข้อมูลทั้งหมด ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง
- Pie Chart (แผนภูมิวงกลม): แสดงสัดส่วนอย่างง่ายของส่วนประกอบต่างๆ เทียบกับทั้งหมด เหมาะสำหรับข้อมูลไม่กี่หมวดหมู่
- Stacked 100% Column Chart with Subcomponents (แผนภูมิแท่งซ้อน 100% พร้อมส่วนประกอบย่อย): แสดงสัดส่วนร้อยละของส่วนประกอบย่อยภายในส่วนประกอบหลัก โดยผลรวมทั้งหมดเป็น 100%
- Waterfall Chart (แผนภูมิน้ำตก): แสดงให้เห็นว่าค่าเริ่มต้นได้รับผลกระทบจากการเพิ่มขึ้นหรือลดลงของค่าต่างๆ อย่างไร จนกระทั่งได้ค่าสุดท้าย ใช้แสดงการสะสมหรือการหักล้าง
-
Relationship (ความสัมพันธ์): ใช้เพื่อแสดงความสัมพันธ์หรือสหสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรตั้งแต่สองตัวขึ้นไป
- Stacked 100% Column Chart (แผนภูมิแท่งซ้อน 100%): แสดงการเปลี่ยนแปลงสัดส่วนร้อยละของส่วนประกอบต่างๆ ในช่วงเวลาไม่กี่ช่วง (เน้นความแตกต่างเชิงสัมพัทธ์)
- Stacked Column Chart (แผนภูมิแท่งซ้อน): แสดงการเปลี่ยนแปลงค่าจริงของส่วนประกอบและผลรวมทั้งหมดในช่วงเวลาไม่กี่ช่วง (เน้นทั้งความแตกต่างเชิงสัมพัทธ์และเชิงสัมบูรณ์)
- Stacked 100% Area Chart (แผนภูมิพื้นที่ซ้อน 100%): แสดงการเปลี่ยนแปลงสัดส่วนร้อยละของส่วนประกอบต่างๆ ในช่วงเวลาหลายช่วง (เน้นความแตกต่างเชิงสัมพัทธ์)
- Stacked Area Chart (แผนภูมิพื้นที่ซ้อน): แสดงการเปลี่ยนแปลงค่าจริงของส่วนประกอบและผลรวมทั้งหมดในช่วงเวลาหลายช่วง (เน้นทั้งความแตกต่างเชิงสัมพัทธ์และเชิงสัมบูรณ์)
เอกสารนี้เป็นแนวทางที่ดีในการเลือกประเภทแผนภูมิที่เหมาะสมที่สุดสำหรับวัตถุประสงค์ในการนำเสนอข้อมูลของคุณครับ