one.ilmsg.in.th

วิธีทำน้ำอบไทย

วิธีทำน้ำอบไทย (สูตรดั้งเดิม ประยุกต์กลิ่นคล้ายนางลอย) อย่างละเอียด

เกริ่นนำ:

น้ำอบนางลอยเป็นแบรนด์น้ำอบไทยที่มีชื่อเสียงและมีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ การจะทำเลียนแบบให้เหมือนเป๊ะนั้นเป็นเรื่องยากเนื่องจากเป็นสูตรเฉพาะของทางแบรนด์ อย่างไรก็ตาม เราสามารถทำน้ำอบไทยตามกรรมวิธีดั้งเดิม ซึ่งจะได้น้ำอบที่มีความหอมเย็นชื่นใจ และสามารถปรับเลือกดอกไม้หรือเครื่องหอมเพื่อให้ได้กลิ่นที่ใกล้เคียงหรือเป็นที่พึงพอใจของเราได้ครับ

หัวใจสำคัญของการทำน้ำอบไทยคือ การอบร่ำ ด้วยควันกำยานหรือเทียนอบ และ การลอยดอกไม้สด เพื่อให้ได้กลิ่นหอมอันซับซ้อนและสดชื่น

ส่วนผสม:

  1. น้ำสะอาด:
    • น้ำฝน (ตามตำรับโบราณ): หากหาได้และมั่นใจในความสะอาด ถือว่าดีที่สุด เพราะเชื่อว่ามีความบริสุทธิ์ตามธรรมชาติ
    • น้ำกลั่น (แนะนำ): หาซื้อง่ายและสะอาดบริสุทธิ์ ไม่มีกลิ่นเจือปน
    • น้ำดื่มบรรจุขวด หรือ น้ำต้มสุกที่ทิ้งให้เย็นสนิท: ใช้ทดแทนได้ ปริมาณประมาณ 1.5 - 2 ลิตร (หรือตามขนาดหม้อดิน)
  2. ดอกไม้สด (เลือกที่สดใหม่ ไม่ช้ำ ปลอดสารเคมี):
    • หลัก:
      • ดอกมะลิ (Jasmine): เน้นมะลิซ้อนจะหอมนาน ควรเก็บตอนเช้าตรู่ที่ยังตูมหรือเริ่มแย้ม 2-3 ถ้วยตวง
      • ดอกกระดังงา (Ylang-ylang): ลนไฟเล็กน้อย หรือ บีบกลีบเบาๆ ให้ต่อมน้ำมันแตก เพิ่มความหอม 5-10 ดอก (ตามขนาด)
      • ดอกชมนาด (Bread flower): กลิ่นหอมคล้ายใบเตยผสมข้าวใหม่ 1-2 ถ้วยตวง
    • เสริม (เลือกใส่ตามชอบ หรือถ้าหาได้):
      • ดอกพิกุล (Bullet wood flower)
      • ดอกสารภี (Mammea siamensis flower)
      • ดอกจำปา (Champaca) / ดอกจำปี (White champaca)
      • กลีบกุหลาบมอญ (Damask rose petals)
  3. เครื่องหอม:
    • เทียนอบ (สำคัญมาก): เลือกซื้อเทียนอบสำหรับทำขนมหรือเครื่องหอมโดยเฉพาะ จะมีส่วนผสมของกำยานและเครื่องหอมต่างๆ 1 อัน (อาจต้องใช้หลายครั้ง)
    • เปลือกชะลูด (Alyxia reinwardtii bark): ให้กลิ่นหอมเย็นๆ 1-2 ชิ้นเล็ก
    • ไม้จันทน์หอม (Sandalwood): ขูดเป็นฝอย หรือใช้แบบผงเล็กน้อย
    • ผิวมะกรูด (Kaffir lime zest): ขูดเอาเฉพาะผิวสีเขียว ระวังส่วนสีขาวจะขม เล็กน้อย
    • แป้งร่ำ (Scented powder): แป้งหินผสมเครื่องหอม ช่วยให้น้ำอบมีเนื้อและกลิ่นติดทนขึ้น 1-2 ช้อนชา (ไม่ใส่ก็ได้)
  4. สารให้ความชุ่มชื้น (ถ้าต้องการ):
    • พิมเสน (Borneol camphor): เกล็ดเล็กน้อย ให้กลิ่นเย็นสดชื่น และช่วยให้น้ำหอมติดทน (ใส่เพียงเล็กน้อยจริงๆ ประมาณปลายไม้จิ้มฟัน)
    • การบูร (Camphor): เกล็ดเล็กน้อย ช่วยให้เย็นและกันเสีย (ใส่เล็กน้อยมาก)

อุปกรณ์:

  1. หม้อดินเผา พร้อมฝาปิด: สำคัญมาก เพราะดินเผาช่วยดูดซับกลิ่นหอมได้ดี ต้องล้างให้สะอาดหมดจด ไร้กลิ่นอาหารหรือสบู่ และผึ่งให้แห้งสนิทจริงๆ
  2. ถ้วยตะไล หรือ ถ้วยกระเบื้องทนความร้อนใบเล็ก: สำหรับวางเทียนอบ
  3. ที่คีบ: สำหรับคีบเทียนอบร้อนๆ
  4. ผ้าขาวบาง หรือ กระชอนตาถี่: สำหรับกรองน้ำอบ
  5. ขวดแก้วสะอาด: สำหรับบรรจุน้ำอบที่เสร็จแล้ว ควรลวกน้ำร้อนฆ่าเชื้อและผึ่งให้แห้งสนิท

ขั้นตอนการทำ:

ขั้นที่ 1: การเตรียมหม้อดิน (สำคัญมาก)

  1. ล้างหม้อดินและฝาให้สะอาดที่สุด ห้ามใช้สบู่หรือน้ำยาล้างจานที่มีกลิ่นแรง เพราะดินเผาจะดูดกลิ่น อาจใช้น้ำร้อนล้าง หรือขัดด้วยมะนาว/มะขามเปียก แล้วล้างน้ำเปล่าหลายๆ ครั้ง
  2. คว่ำหม้อและฝา ผึ่งแดดหรือผึ่งลมให้แห้งสนิทจริงๆ ไม่มีกลิ่นอับ

ขั้นที่ 2: การอบหม้อให้หอม (การอบแห้ง)

  • ขั้นตอนนี้คือการทำให้ตัวหม้อดินดูดซับกลิ่นหอมจากควันเทียนอบก่อนใส่น้ำ
  1. วางถ้วยตะไลเปล่าไว้กลางหม้อดิน
  2. จุดเทียนอบที่ปลายทั้งสองด้าน รอให้ไฟลุกสักครู่ แล้วเป่าให้ดับ (เหลือแต่ควัน)
  3. ใช้ที่คีบคีบเทียนอบที่กำลังมีควัน วางลงในถ้วยตะไล
  4. รีบปิดฝาหม้อให้สนิททันที เพื่อให้ควันอบอวลอยู่ภายในหม้อ อบทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที หรือจนกว่าควันจะหมด
  5. เปิดฝา เอาเทียนอบออก (อาจต้องขูดขี้เถ้าที่ปลายเทียนออกเล็กน้อยก่อนใช้ครั้งต่อไป)
  6. ทำซ้ำ ขั้นตอนที่ 2-5 ประมาณ 3-5 ครั้ง เพื่อให้หม้อดินมีกลิ่นหอมติดทน

ขั้นที่ 3: การเตรียมดอกไม้และเครื่องหอม

  1. ดอกไม้: เด็ดขั้วเขียวๆ ออก ล้างเบาๆ (ถ้าไม่มั่นใจความสะอาด) ผึ่งลมให้แห้งสนิท อย่าให้มีหยดน้ำเหลืออยู่
  2. กระดังงา: ใช้ไฟลนเบาๆ หรือใช้มือนวดคลึงกลีบดอกเบาๆ ให้ช้ำเล็กน้อยเพื่อกระตุ้นต่อมน้ำมันหอม
  3. ผิวมะกรูด: ขูดเตรียมไว้เล็กน้อย
  4. เครื่องหอมอื่นๆ: เตรียมให้พร้อมใช้งาน

ขั้นที่ 4: การอบร่ำน้ำ (การอบเปียก)

  • ขั้นตอนนี้คือการนำน้ำและดอกไม้มาอบด้วยควันเทียน
  1. เทน้ำสะอาด (น้ำฝน/น้ำกลั่น/น้ำต้มสุก) ลงในหม้อดินที่อบแห้งจนหอมแล้ว ประมาณ ¾ ของหม้อ
  2. ใส่ดอกไม้สดที่เตรียมไว้ (มะลิ, กระดังงา, ชมนาด ฯลฯ) และเครื่องหอม (เปลือกชะลูด, ไม้จันทน์หอม, ผิวมะกรูด) ลงไปในน้ำ ยกเว้น แป้งร่ำ พิมเสน การบูร
  3. วางถ้วยตะไลลงในหม้อ ระวังอย่าให้น้ำกระฉอกเข้าไปในถ้วย อาจหาอะไรหนุนถ้วยให้สูงขึ้นเล็กน้อย หรือใช้ถ้วยที่ลอยน้ำได้
  4. จุดเทียนอบ เป่าให้ดับ แล้ววางลงในถ้วยตะไล รีบปิดฝาหม้อให้สนิท อบทิ้งไว้ 30 นาที - 1 ชั่วโมง หรือจนควันหมด
  5. เปิดฝา นำเทียนอบออก
  6. ทำซ้ำ ขั้นตอนที่ 4-5 อีกประมาณ 2-3 ครั้ง หรือจนรู้สึกว่าน้ำมีกลิ่นหอมควันอบเพียงพอแล้ว (ยิ่งอบซ้ำยิ่งหอม)
  7. หลังจากการอบครั้งสุดท้าย ปิดฝาหม้อให้สนิท หมักทิ้งไว้ในอุณหภูมิห้อง หรือที่เย็นๆ (ไม่ต้องเข้าตู้เย็น) อย่างน้อย 1 คืน (8-12 ชั่วโมง) หรือข้ามวัน เพื่อให้กลิ่นดอกไม้และเครื่องหอมซึมซาบเข้าเนื้อน้ำอย่างเต็มที่

ขั้นที่ 5: การกรองและปรุงแต่ง (ถ้าต้องการ)

  1. ค่อยๆ ใช้ผ้าขาวบาง หรือกระชอนตาถี่ กรองน้ำอบใส่ภาชนะที่สะอาด กรองเอาเฉพาะส่วนน้ำใสๆ แยกกากดอกไม้และเครื่องหอมออก
  2. หากต้องการเพิ่มความเย็นและกลิ่น: ใส่พิมเสนและ/หรือการบูร ลงไป เพียงเล็กน้อยจริงๆ (ใช้ปลายไม้จิ้มฟันแตะ) คนให้ละลาย
  3. หากต้องการให้น้ำอบขุ่นเล็กน้อยและหอมนวล: ใส่แป้งร่ำลงไป คนให้ละลาย อาจทิ้งไว้ให้ตกตะกอนเล็กน้อย หรือจะกรองอีกครั้งเพื่อให้ใสขึ้นก็ได้ (แต่จะเสียความขุ่นนวลไป)
  4. ลองดมกลิ่นดูว่าพอใจหรือยัง บางคนอาจเติมหัวน้ำหอมไทย (น้ำปรุง) คุณภาพดี ลงไปเล็กน้อยเพื่อเพิ่มมิติของกลิ่น แต่จะทำให้ไม่ใช่กลิ่นน้ำอบแท้ๆ

ขั้นที่ 6: การบรรจุและเก็บรักษา

  1. บรรจุน้ำอบที่เสร็จแล้วลงในขวดแก้วที่ลวกฆ่าเชื้อและแห้งสนิท
  2. ปิดฝาให้แน่น เก็บในที่แห้งและเย็น ไม่โดนแสงแดดโดยตรง สามารถเก็บในตู้เย็นได้หากต้องการความเย็นเป็นพิเศษ
  3. น้ำอบที่ทำอย่างถูกวิธีและสะอาด สามารถเก็บไว้ใช้ได้นานหลายเดือน แต่กลิ่นหอมของดอกไม้สดอาจจางลงตามกาลเวลา เหลือเพียงกลิ่นหอมนุ่มๆ ของควันอบและเครื่องหอม

เคล็ดลับและข้อเสนอแนะ:

  • ความสะอาด: เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในทุกขั้นตอน เพื่อป้องกันน้ำอบบูดเสีย
  • คุณภาพวัตถุดิบ: ดอกไม้สดใหม่และเครื่องหอมคุณภาพดี จะทำให้น้ำอบหอมทนนาน
  • หม้อดิน: หากไม่มีหม้อดินจริงๆ อาจใช้หม้อเคลือบแทนได้ แต่กลิ่นอาจไม่หอมลึกเท่าหม้อดิน
  • เทียนอบ: คุณภาพของเทียนอบมีผลต่อกลิ่นอย่างมาก เลือกซื้อจากร้านที่น่าเชื่อถือ
  • การปรับกลิ่น: สามารถทดลองปรับสัดส่วนดอกไม้ หรือเพิ่ม/ลดเครื่องหอมต่างๆ ได้ตามความชอบ
  • ความอดทน: การทำน้ำอบต้องใช้เวลาและความใส่ใจ โดยเฉพาะขั้นตอนการอบซ้ำๆ และการหมัก

ขอให้สนุกกับการทำน้ำอบไทยสูตรดั้งเดิมนะครับ แม้จะไม่ใช่สูตรของ "นางลอย" เป๊ะๆ แต่รับรองว่าจะได้น้ำอบที่หอมชื่นใจจากฝีมือตัวเองแน่นอนครับ!